
รวม 10 แอปการศึกษาสำหรับเด็กยุคใหม่ เรียนง่าย เล่นสนุก แถมได้รางวัล
ในยุคปัจจุบันที่เด็กๆ ถือแท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟนคล่องยิ่งกว่าจับดินสอ การเรียนรู้แบบเดิมๆ อาจไม่ตอบโจทย์พวกเขาอีกต่อไป “แอปการศึกษา” จึงกลายเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของพ่อแม่ยุคใหม่ ที่อยากให้ลูกเรียนรู้ผ่านการเล่น เรียนรู้ผ่านความสนุก และเรียนรู้ด้วยตัวเอง
ซึ่ง KaiGai ก็เข้าใจดีว่าไม่ใช่ทุกแอปที่จะเหมาะกับเด็ก และไม่ใช่ทุกแอปที่พ่อแม่วางใจได้ บางแอปมีเกมที่เล่นเพลินแต่ขาดสาระ บางแอปมีเนื้อหาดีแต่ทำให้เด็กเบื่อ วันนี้เราเลยคัด 10 แอปการศึกษาน่าใช้ ที่ไม่เพียงช่วยให้ลูกเรียนรู้ได้อย่างสนุก แต่ยังฝึกทักษะหลายด้านอย่างมีระบบ บางแอปยังมีการเก็บสะสมแต้มแลกของรางวัล เพิ่มแรงจูงใจให้เด็กอยากเรียนทุกวัน!
คัดมาแล้ว! 10 แอปการศึกษาที่เด็กเรียนเพลิน พ่อแม่ปลื้มใจ
1. Duolingo ภาษาใหม่ไม่ใช่เรื่องยาก เมื่อเรียนผ่านเกม

ขอบคุณภาพจาก: Duolingo
ในยุคที่ทักษะด้านภาษาคือหนึ่งในพื้นฐานสำคัญของการเรียนรู้และการใช้ชีวิต Duolingo คือ แอปการศึกษาที่ช่วยให้เด็กๆ เรียนภาษาได้อย่างเป็นระบบ ผ่านวิธีที่ทั้งสนุกและเข้าใจง่าย ลบภาพจำของการท่องศัพท์หรือไวยากรณ์ยาวๆ จนน่าเบื่อไปได้เลย เพราะ Duolingo จะเปลี่ยนทุกบทเรียนให้กลายเป็นเกม ที่ทั้งสนุกและเข้าใจง่าย โดยเด็กๆ จะได้สะสมเหรียญ ปลดล็อกด่าน และเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ไปทีละขั้น โดยไม่รู้สึกว่ากำลัง “เรียน” อยู่
จุดเด่นของแอปนี้คือ ในแต่ละด่านใช้เวลาแค่ไม่กี่นาที แต่เนื้อหาครอบคลุมทั้งฟัง พูด อ่าน เขียน แถมยังออกแบบให้เหมาะกับเด็ก ทั้งเสียงพูดที่ชัดเจน ภาพน่ารัก และโจทย์ที่เข้าใจง่าย เด็กๆ จะได้ฝึกภาษาอย่างเป็นธรรมชาติแบบไม่ต้องบังคับ
โดยพ่อแม่สามารถติดตามความก้าวหน้าของลูกได้ทุกวัน ดูได้เลยว่าวันนี้ลูกเรียนอะไร คำไหนที่ยังตอบผิดบ่อย หรือเรื่องไหนที่ควรเสริมเพิ่มเติม เหมาะมากสำหรับบ้านที่อยากปูพื้นฐานภาษาอังกฤษ (หรือภาษาอื่นๆ เช่น สเปน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น) ให้ลูกแบบสม่ำเสมอ โดยไม่ต้องฝืนใจหรือกดดันเด็กให้เรียนรู้
2. Roblox จากผู้เล่น...สู่ผู้สร้าง เรียนรู้การเขียนโค้ดผ่านโลกในจินตนาการ

ขอบคุณภาพจาก: Roblox
สำหรับเด็กยุคใหม่ที่โตมากับเทคโนโลยี การเล่นเกมไม่ใช่เรื่องไร้สาระอีกต่อไป หากเลือกแอปการศึกษาที่เหมาะสมอย่าง Roblox หนึ่งในพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้เด็กไม่เพียงแค่ “เล่น” เกม แต่ได้ “สร้าง” เกมด้วยตัวเอง และเรียนรู้ทักษะที่ใช้ได้จริงในศตวรรษที่ 21
ผ่าน Roblox Studio ซึ่งเป็นเครื่องมือสร้างเกมภายในแพลตฟอร์ม เด็กๆ จะได้ฝึกการคิดวิเคราะห์ วางแผน และเขียนโค้ดเบื้องต้นเพื่อสร้างโลกจำลองของตัวเอง การออกแบบตัวละคร ฉาก และกฎการเล่นในเกม ล้วนต้องใช้จินตนาการ คณิตศาสตร์ และความเข้าใจทางตรรกะผสมผสานกัน เป็นการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นจากการลงมือทำอย่างแท้จริง
พ่อแม่ที่เคยกังวลว่า Roblox จะทำให้ลูกติดเกม อาจต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่ เพราะหากใช้อย่างถูกวิธีและมีการแนะนำจากผู้ใหญ่ เด็กจะได้ฝึกความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหา และการทำงานร่วมกับผู้อื่น ซึ่งล้วนเป็นทักษะสำคัญต่ออนาคต ไม่ต่างจากห้องเรียนเสมือนที่ลูกอยากเข้าเรียนทุกวันด้วยความเต็มใจ
3. KaiGai ผจญภัยในจักรวาลแห่งความรู้ พร้อมพิชิตบอสสุดท้าทาย

เมื่อเด็กๆ โตขึ้น การเรียนก็ยิ่งซับซ้อนมากขึ้น โดยเฉพาะวิชาหลักที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของพัฒนาการทางวิชาการ KaiGai จึงออกแบบมาเพื่อเป็นแอปการศึกษา “ของไทย” ที่ช่วยให้เด็กตั้งแต่ระดับ ประถมปลายจนถึงมัธยมปลาย เรียนรู้ 6 วิชาหลัก ได้แก่ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ฟิสิกส์ เคมี และชีววิทยา ได้อย่างเป็นระบบและเข้าใจง่าย
จุดเด่นของ KaiGai คือ การผสมผสานระหว่างบทเรียนจาก สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) กับการผจญภัยในจักรวาลแห่งการเรียนรู้ ที่เด็กๆ ได้ออกเดินทางในฐานะ “นักเรียนผู้กล้า” ตลอดเส้นทาง พวกเขาจะได้ร่ำเรียน ฝึกฝน และเก็บสะสมพลังความรู้ เพื่อเตรียมตัวไปรับบททดสอบกับบอสตัวสุดท้าย ที่ไม่ได้มาแบบเล่นๆ เพราะต้องตอบให้ถูกถึงจะได้โจมตี แต่ถ้าตอบผิด...ก็ต้องยอมรับการถูกโจมตีกลับ
นอกจากการผจญภัยแล้ว KaiGai ยังมีโหมด Rocket Rush ที่เปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้วัดความรู้กับเพื่อนๆ แบบเรียลไทม์ แข่งกันตอบคำถามอย่างรวดเร็ว ฝึกทั้งความแม่นยำ ไหวพริบ และการคิดอย่างเป็นระบบภายใต้เวลาจำกัด ซึ่งโหมดนี้ไม่ได้มีไว้แค่เพื่อความสนุกเท่านั้น แต่ยังมีไว้เพื่อ การแข่งขันทางวิชาการ ที่ KaiGai จัดขึ้น เพื่อเฟ้นหานักเรียนที่โดดเด่นในแต่ละวิชา เพื่อมอบทุนการศึกษาและของรางวัลมากมาย จากทั้งทาง KaiGai และองค์กรพันธมิตร ถือเป็นเวทีแห่งโอกาสที่สร้างทั้งแรงบันดาลใจและเป้าหมายให้กับเด็กๆ ได้เรียนรู้เพื่อ “เติบโต” ไม่ใช่แค่เพื่อ “สอบผ่าน”
4. Frog Dissection ผ่ากบแบบไม่ต้องผ่า เรียนชีววิทยาเสมือนจริงอย่างปลอดภัย

ขอบคุณภาพจาก: Gizmos
สำหรับเด็กสายวิทย์แล้ว หนึ่งในบทเรียนที่ทั้งตื่นเต้นและน่าจดจำมากที่สุดคงหนีไม่พ้น “การผ่ากบ” ที่จะช่วยเปิดโลกแห่งกายวิภาคของสิ่งมีชีวิต แต่ก็อาจทำให้บางคนรู้สึกกังวลหรือไม่สบายใจเนื่องจากเป็นการทำร้ายสัตว์ แต่ในยุคดิจิทัลแบบนี้ เด็กๆ ไม่จำเป็นต้องใช้มีดหรือกบจริงอีกต่อไป เพราะ Frog Dissection เป็นแอปการศึกษาที่ได้ออกแบบการเรียนรู้แบบเสมือนจริง ที่ให้เด็กๆ ได้ “ลงมือผ่า” ด้วยตัวเองแบบทีละขั้นตอน ปลอดภัย เข้าใจง่าย และไม่ทำร้ายสัตว์
ภายในแอปเด็กๆ จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับอวัยวะภายในของกบ พร้อมคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจน ภาพกราฟิกคมชัด และมีฟังก์ชันที่ช่วยให้เห็นตำแหน่ง หน้าที่ และความสัมพันธ์ของระบบต่างๆ อย่างครบถ้วน ทั้งกล้ามเนื้อ ระบบย่อยอาหาร ระบบหมุนเวียนเลือด ฯลฯ เหมาะสำหรับนักเรียนระดับมัธยมต้นถึงมัธยมปลายที่กำลังเริ่มทำความเข้าใจชีววิทยาเชิงลึก
ซึ่งนอกจากจะทำให้เข้าใจตำแหน่งอวัยวะของกบแล้วยังช่วยให้เข้าใจโครงสร้างร่างกายของมนุษย์อีกด้วย เนื่องจากอวัยวะหลักหลายส่วนของกบ เช่น หัวใจ ปอด ตับ และไต ซึ่งล้วนมีตำแหน่งและหน้าที่คล้ายกับในร่างกายมนุษย์ ช่วยให้เด็กๆเข้าใจเกี่ยวกับร่างกายของตัวเอง และเป็นการวางรากฐานที่ดีสำหรับการเรียนวิชาชีววิทยาในระดับต่อ
5. Kahoot ควิซมันส์ๆ ที่ทั้งห้องเรียนต้องลุกขึ้นตอบ

ขอบคุณภาพจาก: Kahoot
Kahoot เป็นแอปการศึกษาที่ครูและนักเรียนทั่วโลกใช้กันอย่างแพร่หลาย ด้วยรูปแบบ “เกมตอบคำถาม” ที่เข้าใจง่าย สนุก และใช้ได้ทั้งในห้องเรียนและที่บ้านช่วยให้เด็กๆ ได้ฝึกคิดไว ตอบเร็ว ช่วยเปลี่ยนการเรียน ทบทวนบทเรียน หรือเตรียมตัวสอบที่น่าเบื่อให้กลายเป็นกิจกรรมที่ทุกคนอยากมีส่วนร่วม
โดยภายในเกม เด็กๆ สามารถเลือกหัวข้อที่ต้องการฝึก ไม่ว่าจะเป็นคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษา หรือความรู้รอบตัว โดยยิ่งตอบถูกและไวเท่าไหร่ คะแนนที่ได้ก็สูงขึ้นเท่านั้น แถมยังมีการจัดอันดับผู้เล่นแบบเรียลไทม์ เพิ่มแรงกระตุ้นและความท้าทายในการเรียนรู้ในทุกๆ รอบ
หากตัวเลือกที่ Kahoot จัดไว้ยังไม่ตรงใจ พ่อแม่ก็สามารถสร้างแบบทดสอบในแบบของตัวเองได้อย่างอิสระ ช่วยให้สามารถออกแบบเนื้อหาให้เหมาะกับระดับและความสนใจของลูกได้อย่างยืดหยุ่น เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ทำให้การเรียนรู้กลายเป็นกิจวัตรประจำวันที่ทั้งสนุก มีเป้าหมาย และสามารถต่อยอดความรู้ได้อย่างชัดเจน
6. Quizlet จำเยอะไม่ใช่เรื่องยาก แค่มีแฟลชการ์ดสุดสนุกไว้ในมือ

ขอบคุณภาพจาก: Quizlet
ถ้าลูกของคุณต้องเจอกับบทเรียนที่ต้อง “ท่องจำ” เยอะๆ อย่างคำศัพท์ภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์ หรือสูตรคณิตศาสตร์ Quizlet คือแอปการศึกษาที่ตอบโจทย์ที่สุด ด้วยโหมดการเรียนรู้ที่หลากหลาย แต่ที่เป็นจุดเด่นเลยคือ แฟลชการ์ด (Flashcard) ที่จะเป็นการเขียนคำถามไว้ด้านหนึ่งของกระดาษ และคำตอบไว้อีกด้าน แล้วค่อยๆ พลิกไปมา เมื่อเล่นไปเรื่อยๆ จะช่วยให้เด็กสนุกและเกิดการจดจำได้ง่ายขึ้น
โดยพ่อแม่สามารถเลือกใช้แฟลชการ์ดจากคลังเนื้อหาที่คนทั่วโลกสร้างไว้ หรือสร้างของตัวเองก็ได้ เพื่อให้เหมาะสมกับลูกๆ เช่น ถ้าเรียนเรื่องระบบร่างกาย ก็ทำการ์ด “หัวใจ = ส่งเลือดไปเลี้ยงทั่วร่างกาย” หรือ “Lungs = ปอด = แลกเปลี่ยนก๊าซ” แล้วฝึกสลับไปมาระหว่างคำกับความหมาย เด็กจะเริ่มเข้าใจมากกว่าท่อง และยังมีโหมดเกมให้จับคู่คำกับภาพหรือแข่งกับเวลา เพิ่มความสนุกเข้าไปอีก
นอกจากนี้ Quizlet ยังมีโหมดการเรียนรู้อีกหลายรูปแบบ เช่น “แบบทดสอบ” ที่จำลองการสอบจริงให้เด็กได้ฝึกทำข้อสอบแบบสุ่ม ช่วยลดความตื่นสนามก่อนสอบจริง และวัดผลว่าสามารถจำคำศัพท์หรือเนื้อหาต่างๆ ได้กี่เปอร์เซ็นต์แล้ว ช่วยให้พ่อแม่เห็นพัฒนาการของลูกในแต่ละวันได้อย่างชัดเจน
7. Memrise ฝึกได้ทุกภาษา ใช้คล่องทุกสถานการณ์ กับเจ้าของภาษาตัวจริง

ขอบคุณภาพจาก: Memrise
การเรียนภาษาที่ได้ผล ไม่ใช่แค่การท่องจำคำศัพท์ แต่คือการเข้าใจว่า “คำเหล่านั้นถูกใช้ในชีวิตจริงอย่างไร” และนี่คือจุดแข็งของ Memrise แอปการศึกษาที่ออกแบบมาให้ผู้เรียน โดยเฉพาะเด็ก ๆได้เป็นเหมือน “นักผจญภัยทางภาษา” ที่เรียนรู้ผ่านสถานการณ์จริงจากเจ้าของภาษาโดยตรง ช่วยให้ซึมซับภาษาต่างๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ
โดย Memrise จะใช้วิดีโอสั้นๆ จากชีวิตประจำวันในแต่ละประเทศ เช่น ร้านอาหาร รถไฟฟ้า หรือสวนสาธารณะ เด็กๆ จะได้ฝึกฟังสำเนียงเจ้าของภาษา เห็นสีหน้า ท่าทาง และบริบทการใช้คำอย่างชัดเจน เสริมด้วยระบบ “Spaced Repetition” ที่ช่วยทบทวนคำศัพท์ที่มักลืม โดยไม่ต้องเดาเองว่าควรทบทวนคำไหน
แบบฝึกหัดในแต่ละด่านจะสลับทักษะให้ครบทั้ง ฟัง พูด อ่าน และเขียน ช่วยให้เด็กเรียนภาษาได้อย่างรอบด้าน และยิ่งเรียนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสะสมแต้มได้มากขึ้น เพื่อปลดล็อกสถานที่และเนื้อหาใหม่ๆ ไปเรื่อยๆ เพิ่มแรงจูงใจให้เรียนต่อเนื่องได้อย่างสนุกและมีเป้าหมาย
8. Minecraft: Education Edition เรียนรู้ผ่านโลกแห่งจินตนาการ

ขอบคุณภาพจาก: Minecraft Education
ถ้าเด็กๆ เคยหลงใหลกับการสร้างบ้าน ผจญภัย หรือออกแบบโลกใน Minecraft ลองนึกดูว่าจะเป็นอย่างไร ถ้าโลกเหล่านั้นกลายเป็นห้องเรียนที่เต็มไปด้วยความรู้ Minecraft: Education Edition คือ แอปการศึกษา ที่พาเด็กเข้าสู่การเรียนรู้เชิงลึกผ่านสิ่งที่พวกเขารักอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง การทดลอง หรือการร่วมมือกับเพื่อนๆ
ภารกิจแต่ละด่านถูกออกแบบอย่างมีเป้าหมาย เช่น สร้างระบบนิเวศ วางแผนการใช้ทรัพยากร โดยจะใช้การเขียนโค้ดเพื่อแก้ปัญหาในเกม เด็กๆ จะได้ฝึกคิด วิเคราะห์ และเชื่อมโยงความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษา และเทคโนโลยี เข้ากับสถานการณ์ที่ใกล้ตัว โดยไม่รู้สึกว่าเป็นการเรียนแบบท่องจำ
สิ่งที่ทำให้ Minecraft: Education Edition แตกต่าง คือการเรียนรู้ที่เกิดจากการลงมือทำจริงในโลกเสมือนที่เด็กออกแบบเอง พวกเขาจะได้สำรวจความรู้ไปพร้อมกับสร้างสรรค์สิ่งใหม่ เสริมทั้งจินตนาการและทักษะชีวิต เป็นอีกหนึ่งแอปที่ช่วยเปลี่ยนเวลาเล่นเกมให้กลายเป็นเวลาของการเติบโตอย่างแท้จริง
9. Yousician ฝึกดนตรีเองได้ที่บ้าน เสมือนมีครูส่วนตัวอยู่ข้างๆ ทุกวัน

ขอบคุณภาพจาก: Yousician
ดนตรีไม่ใช่แค่ความบันเทิง แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยฝึกสมาธิ ลำดับความคิด และความอดทน และ Yousician คือแอปการศึกษาที่ทำให้ดนตรีกลายเป็นทักษะที่เด็กสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองทุกวัน เสมือนมีครูดนตรีส่วนตัวอยู่ที่บ้าน โดยไม่ต้องมีพื้นฐานมาก่อน
เพียงแค่มีอุปกรณ์ที่เล่นได้ เช่น กีตาร์ เปียโน หรือแม้แต่เสียงร้อง แอปจะฟังเสียงจากที่เด็กเล่นจริงผ่านไมโครโฟน เพื่อประเมินว่าคอร์ดตรงหรือไม่ จังหวะเร็วไปหรือเปล่า พร้อมให้คำแนะนำในทันที เหมาะสำหรับเด็กที่ต้องการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องในสไตล์ของตัวเอง และพ่อแม่ที่อยากเห็นพัฒนาการอย่างชัดเจน
ในแต่ละบทเรียนจะมีด่านให้ปลดล็อก เพลงยอดนิยมให้เลือกฝึก และแบบฝึกหัดที่สลับระหว่างเทคนิคกับการเล่นจริง เพื่อให้เด็กไม่เบื่อและยังได้ผลลัพธ์จริง พร้อมระบบสะสมคะแนนและเป้าหมายรายวัน ที่ช่วยให้การฝึกดนตรีไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ แต่เป็นกิจกรรมที่ทั้งสนุก มีจุดหมาย และส่งเสริมวินัยในระยะยาว
10. Habitica เปลี่ยนการบ้านให้เป็นภารกิจ เปลี่ยนชีวิตให้เป็นเกม

ขอบคุณภาพจาก: Habitica
เปลี่ยนกิจวัตรประจำวันที่แสนน่าเบื่อไปกับ Habitica แอปการศึกษาที่เปลี่ยนชีวิตประจำวันที่แสนธรรมดาให้กลายเป็นสนามรบแห่งการพัฒนาตนเอง ด้วยระบบเกมแนว RPG ที่กระตุ้นให้เด็กและวัยรุ่นสร้างวินัยและความรับผิดชอบ ผ่านการทำภารกิจในชีวิตจริงเพื่อสะสมคะแนนและก้าวสู่ความสำเร็จ
โดยทุกภารกิจที่ตั้งไว้ เช่น ทำการบ้าน อ่านหนังสือ หรือออกกำลังกาย จะช่วยสะสมประสบการณ์ (XP) เพื่อให้ตัวละครในเกมเลื่อนระดับและสามารถเปลี่ยนคลาสได้เมื่อถึงเลเวลที่กำหนด ซึ่งการเปลี่ยนคลาสไม่ใช่แค่เปลี่ยนรูปลักษณ์ แต่ยังปลดล็อกความสามารถพิเศษใหม่ๆ ที่ช่วยให้เด็กมีแรงจูงใจในการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ Habitica ยังส่งเสริมการทำงานเป็นทีมผ่านระบบปาร์ตี้ ที่ผู้เล่นสามารถร่วมมือกับครอบครัวหรือเพื่อนปราบบอสโลกแห่งแฟนตาซี เพื่อฝึกวินัย สร้างความรับผิดชอบร่วมกัน และการวางแผนอย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะกับการปลูกฝังนิสัยดีๆ ให้เด็กเติบโตอย่างมั่นคงในโลกที่เต็มไปด้วยความท้าทาย
อยากให้ลูกเรียนอย่างมีความสุข พร้อมลุ้นของรางวัล? ลอง KaiGai
ถ้าอยากให้ลูกเรียนดีขึ้น แต่ไม่อยากเสียเงินเยอะ KaiGai คือผู้ช่วยที่ตอบโจทย์พ่อแม่ยุคใหม่อย่างแท้จริง เพราะช่วยประหยัดได้ตั้งแต่วันแรก ไม่ต้องเสียเงินค่าคอร์สเรียนพิเศษวิชาละหลายพัน หรือซื้อหนังสือเสริมหลายเล่มให้เปลืองงบ เพราะที่นี่รวมครบทุกวิชาหลักไว้ในแอปเดียว
นอกจากประหยัดเงิน ยังประหยัดเวลาอีกด้วย ไม่ต้องพาลูกฝ่ารถติด ลุยฝน หรือนั่งรอเรียนพิเศษนาน ๆ แค่เปิดแอปที่บ้าน ลูกก็เริ่มเรียนได้ทันที สะดวก ปลอดภัย และมีสมาธิมากกว่าเดิม ทั้งพ่อแม่ยังสามารถเห็นพัฒนาการของลูกแบบวันต่อวันด้วยระบบติดตามผลการเรียนแบบ Real-time ผ่าน LINE ที่ช่วยให้พ่อแม่รู้ได้ทันทีว่าลูกกำลังเรียนบทไหน ทำคะแนนได้เท่าไหร่ เห็นพัฒนาการได้แบบวันต่อวัน รู้จุดแข็งจุดอ่อนได้ชัดเจน โดยไม่ต้องคอยถามลูกซ้ำๆ
หากคุณกำลังมองหาทางเลือกที่ช่วยให้ลูกเรียนอย่างมีความสุข พร้อมเติบโตไปด้วยเป้าหมาย ลอง KaiGai แล้วจะรู้ว่า “การเรียนที่บ้าน” ก็สร้างโอกาสดีๆ ได้ไม่แพ้ที่ไหนเลย
บริษัท เอดโนเวเตอร์ จำกัด
ห้องเลขที่ PLA.F05.D000001 ชั้นที่5 อาคารเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์
เลขที่ 444 ถนนพญาไท แขวงวังใหม่
เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
065-592-4572
support@ednovator.com
terms of service
privacy notice
cookie preference